ไขมันส่วนเกินเป็นสิ่งที่กำจัดยากมาก ๆ อย่างหนึ่งในร่างกายเรา หากปล่อยเอาไว้นานก็อาจกลายเป็นไขมันสะสมได้แต่ปัจจุบันนวัตกรรมและเทคโนโลยีวิวัฒนาการไปมาก มีนวัตกรรมต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย อีกหนึ่งโปรแกรมที่เรียกได้ว่าเป็นที่ยอมรับจากแพทย์ผิวหนังทั่วโลก ถูกวิจัยแล้ว นั่นก็คือ “โปรแกรม CoolSculpting” ทรีทเมนต์ที่กำจัดไขมันด้วยความเย็นแบบองศาติดลบ
โปรแกรม CoolSculpting คืออะไร ?
โปรแกรม CoolSculpting คือ การลดไขมันด้วยความเย็น โดยจะแช่แข็งเฉพาะเซลล์ในชั้นไขมันเท่านั้น เนื่องจากเซลล์ไขมันจะพิเศษคือไวต่ออุณหภูมิมากกว่าเซลล์ชนิดอื่น ๆ Coolsculpting ใช้หัวดูดผิวเพื่อดึงชั้นไขมันเข้ามาไว้ในหัวของเครื่อง ซึ่งในหัวดูดจะปล่อยความเย็น -11°C แช่แข็งก้อนไขมันที่ถูกดูดขึ้นมานาน 35 นาทีในแต่ละจุด Coolsculpting เป็นเครื่องแรกและเครื่องเดียวในขณะนี้ที่ได้รับการรับรอง US FDA (Food and Drug Administration) และมีผลงานวิจัยที่พิสูจน์แล้วว่าสามารถใช้ในการลดไขมันในร่างกายได้
โปรแกรม CoolSculpting เห็นผลลัพธ์แค่ไหน ?
โปรแกรม CoolSculpting เป็นนวัตกรรมที่ช่วยกำจัดไขมันด้วยพลังงานความเย็นแบบติดลบ -11°C โดยในการทำจะใช้เวลาประมาณ 35 – 45 นาที ขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่ในร่างกาย โดยผลลัพธ์ที่ได้ในการทำแต่ละครั้งจะสามารถกำจัดไขมันส่วนเกินออกจากบริเวณที่ทำได้ 20 – 30% ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและไขมันสะสมของแต่ละบุคคลด้วย ผู้ที่ทำ Coolsculpting จะรู้สึกถึงผลลัพธ์หลังทำ ใน 1 – 3 เดือน โดยจะรู้สึกว่าไขมันที่บีบจับได้ในปริมาณมากจะบีบได้เล็กลง เนื่องจากชั้นไขมันในบริเวณนั้นบางลง อาทิตย์แรกหลังทำ จะบวมในจุดที่เซลล์ไขมันตายและค้างอยู่ เพราะร่างกายต้องใช้เวลา เพื่อค่อย ๆ ลำเลียงเซลล์ไขมันที่ตายแล้วออกไปตามระบบเลือด และระบบน้ำเหลือง และอาจจะต้องมีเวลาพักฟื้นเพราะหลังทำอาจจะมีอาการปวด หรือ ระบม โดยประมาณ 7-10 วัน
โปรแกรม CoolSculpting มีกี่หัว แต่ละหัวต่างกันอย่างไร
โปรแกรม CoolSculpting รุ่นใหม่ล่าสุดจะมีทั้งหมด 5 หัว โดยใช้หัวสุญญากาศเป็นแรงดูด ทำให้เจ็บน้อยกว่า ใช้เวลาน้อยลง และสามารถช่วยลดไขมันได้มากขึ้น ทำได้เกือบทั้งร่างกาย
- CoolAdvantage เป็นหัวที่เป็นตัวหลักได้รับความนิยมมากที่สุด โดยจะเหมาะกับผู้ที่มีไขมันปานกลาง ใช้ทำได้ประมาณ 7 จุด ได้แก่ ท้อง, เอว, แขน, หน้าอกผู้ชาย, ขาด้านใน, ปีกหลัง, ใต้บั้นท้าย
- CoolAdvantage Petite เป็นหัวที่ใช้สำหรับลดไขมันได้ 7 จุด เท่ากับหัว CoolAdvantage แต่จะเหมาะสำหรับคนที่มีไขมันไม่หนามาก คนตัวเล็ก ร่างกายเล็ก
- Cool Mini เป็นหัวที่มีขนาดเล็ก ใช้สำหรับลดไขมันบริเวณเหนียง ไขมันบริเวณใต้รักแร้ เนื้อย้วยเหนือเข่าสำหรับผู้ที่ออกกำลังกายไม่ได้
- Cool Advantage Plus เป็นหัวที่มีขนาดใหญ่ เหมาะกับคนที่มีไขมันเยอะ ใช้สำหรับลดไขมันบริเวณกว้าง ๆ ได้แก่ เอว ท้อง เป็นต้น
- Cool Smooth Pro เป็นหัวที่ใช้สำหรับบริเวณขาด้านนอก และบริเวณใต้สะโพกลงมา
ข้อดีของการทำโปรแกรม CoolSculpting
- ไม่ทำอันตรายต่อผิวหนังชั้นนอก และไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
- CoolSculpting มีระบบ Freeze detect คือเครื่องจะหยุดทำงานทันทีที่ตรวจเจอความเย็นในผิวชั้นบนที่มากเกินไป
- เซลล์ไขมันที่ถูกกำจัดด้วยพลังงานความจะตายแบบถาวร และ ถูกขับออกตามร่างกายตามธรรมชาติ
- ไม่ต้องเตรียมตัวก่อนทำหัตถการ เพราะเหมือนการทำทรีทเมนท์ทั่วไป สามารถรับประทานอาหาร ดื่มน้ำได้ตามปกติ
- หลังทำจะเห็น 20-30% และ เต็มที่ในช่วง 1-3 เดือน
- ไม่เคยเกิดกรณีเคสผิวไหม้จากความเย็นเลย
ผู้ที่ไม่เหมาะกับการทำโปรแกรม CoolSculpting
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวเช่นโรคเลือด เคยมีอาการแพ้ความเย็นขั้นรุนแรง เช่น เมื่อร่างกายได้สัมผัสกับความเย็นแล้วมีอาการเป็นลม
- ผู้ที่ผ่าตัดทำคลอด มาเป็นระยะเวลา 1 ปี สามารถทำโปรแกรม CoolSculpting ได้ แต่ทั้งนี้จะต้องได้รับการพิจารณาจากแพทย์ก่อน
- ผู้ที่เป็นไส้เลื่อน ไม่ควรทำ เนื่องจากจะต้องใช้แรงดูดสูง อาจมีความเสี่ยงของอวัยวะภายในได้
- ผู้ที่เคยคลอดบุตรแบบธรรมชาติ หากพบว่ามีกล้ามเนื้อบริเวณช่วงท้องที่แยกออกจากกัน ไม่แนะนำให้ทำ โปรแกรม CoolSculpting
โปรแกรม CoolSculpting ทำบริเวณไหนได้บ้าง
โปรแกรม CoolSculpting เป็นการสลายไขมันเฉพาะจุด โดยแต่ละจุดจะใช้หัวในการทำที่แตกต่างกัน สามารถทำได้หลายบริเวณทั่วร่างกาย ดังนี้
- บริเวณหน้าท้อง
- บริเวณเอว
- บริเวณปีกหลัง
- บริเวณขาด้านใน
- บริเวณบั้นท้าย
- บริเวณหน้าอก (ผู้ชาย)
- บริเวณสะโพก
- บริเวณต้นแขน
- บริเวณต้นขาด้านนอก
- บริเวณหัวเข่า
- บริเวณเหนียง
ทำไมต้องทำโปรแกรม CoolSculpting ที่ พลอยรดา คลินิก
- ดูแลโดยทีมแพทย์มากประสบการณ์ และ ผู้เชี่ยวชาญ สำหรับทำโปรแกรม Coolsculpting โดยเฉพาะ
- แพทย์ประเมิน วิเคราะห์ และแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด
- เครื่อง CoolSculpting จากบริษัทโดยตรง สามารถตรวจสอบได้
- ลดไขมันได้ มีเปลี่ยนแปลง ไม่เกิดบาดแผลตามร่างกาย