โปรแกรม Botulinum Toxin ตัวช่วยลดเลือนริ้วรอย ลดการทำงานของกล้ามเนื้อ ให้ใบหน้าเป๊ะ เข้ารูป อย่างมีประสิทธิภาพ

โปรแกรม Botulinum Toxin หรือที่เรียกกันว่า โบท็อกซ์ (Botox) จะนิยมใช้ในการฉีดเพื่อลดเลือนริ้วรอยร่องต่างๆบริเวณใบหน้า ให้ดูตื้นกระชับขึ้น สามารถฉีดได้ทั่วหน้า ไม่ว่าจะเป็นรอยตีนกา  รอยย่นหน้าผาก  อีกทั้งยังสามารถฉีดบริเวณกล้ามเนื้อเพื่อให้กล้ามเนื้อเล็กลง เช่น ฉีดปีกจมูกให้เล็กลง ฉีดล้ามเนื้อบริเวณกรามให้หน้าดูเล็กขึ้น ฉีดน่องให้ขาดูเล็กลง โดยหลังจากที่ฉีดจะเห็นผลลัพธ์หลังจากฉีดภายใน 3 – 7 วัน บริเวณที่ฉีดจะรู้สึกตึงกระชับขึ้น และแสดงผลลัพธ์ได้เต็มที่หหลังจากฉีดไปแล้วประมาณ 1 เดือน

โปรแกรม Botulinum Toxin / โบท็อกซ์ (Botox) คืออะไร?

โบทูลินั่ม ท็อกซิน (Botulinum toxin) หรือรู้จักกันในชื่อโบท็อกซ์ (Botox) คือชื่อยี่ห้อของ botulinum toxin A เป็นแบรนด์ยี่ห้อหนึ่งจากบริษัท Allergan อเมริกา ซึ่งมีมานานเป็นเจ้าแรก ๆ ของโลกคนส่วนใหญ่จึงเรียกติดปากกันมาว่าโบท็อกซ์ เปรียบเหมือนแบรนด์ผงซักฟอกที่คนมักจะเรียกผงซักฟอกทั่วไปว่า “แฟ้บ” เพราะเป็นแบรนด์แรก ๆที่ เราชินและคุ้นเคยกัน โบท็อกซ์ตัวนี้ก็เช่นกัน 

โบท็อกซ์เป็นสารสกัดจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) มี 7 ชนิด คือ โบทูลินั่ม ท็อกซิน ชนิด เอ (botulinum toxin type A) ถึงโบทูลินั่ม ท็อกซิน ชนิด จี (botulinum toxin type G) จัดเป็นสารพิษออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท (neurotoxin) โดยจะไปรบกวนการทำงานของระบบประสาท มีผลทำให้กล้ามเนื้อหยุดการทำงานชั่วคราว  ซึ่งในวงการแพทย์แต่เดิมทีนำมาใช้รักษาอาการโรคตาเหล่ และได้พัฒนามาใช้ในวงการเสริมความงาม เพื่อลดกล้ามเนื้อบริเวณต่างๆของร่างกายให้เล็กขึ้น และใช้ยกกระชับลดเรือนร่องลึก ริ้วรอยต่างๆให้ดูตื้นขึ้น 

โปรแกรม Botulinum Toxin / โบท็อกซ์ (Botox) เหมาะกับใครบ้าง

ต้องบอกว่าโบท็อกซ์ไม่ได้เหมาะกับทุกคน  คนที่ยังไม่มีปัญหาเรื่องริ้วรอยต่าง ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องฉีดโบท็อกซ์  ผู้ที่เหมาะกับการจะฉีดโบท็อกซ์นั้นคือผู้ที่มีปัญหาเรื่องริ้วรอยและอยากแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว เขาจึงพอใจที่จะฉีดโบท็อกซ์  เพื่อให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น รวมถึงผู้ที่มีปัญหาบริเวณกล้ามเนื้อกรามใหญ่ ใบหน้าดูใหญ่ก็สามารถฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดกล้ามเนื้อบริเวณเหล่านั้นให้ดูเล็กลงได้  ทั้งนี้การฉีดโบท็อกซ์ จะต้องเป็นแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้นมิเช่นนั้นอาจทำให้เกิดอันตรายตามมาในภายหลังได้

วิธีการทำงานของโบท็อกซ์ (Botox) 

เมื่อแพทย์ฉีดโบท็อกซ์ไปในบริเวณส่วนต่างๆ ที่ต้องการรักษาแล้ว โบท็อกซ์จะเข้าไปจับที่ปลายประสาททำให้เซลล์ประสาทไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทมาที่กล้ามเนื้อได้  กล้ามเนื้อของคุณจะผ่อนคลาย ริ้วรอยต่างๆจะดูเรียบเนียนขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ และทำให้ไม่เกิดริ้วรอยขึ้นมาใหม่  การฉีดโบท็อกซ์ที่ถูกต้องนั้นจะไม่ทำให้ใบหน้าของคุณดูแข็งเกร็ง  อีกทั้งยังสามารถแสดงอารมณ์ทางสีหน้าได้ปกติเช่นเดิม หลักจากฉีดจะเห็นผลลัพธ์ที่แต่งต่างภายใน 2 – 3 วัน และจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนมากยิ่งขึ้นหลังจากฉีดไปแล้วภายใน 7 วัน  และผลลัพธ์จะคงอยู่ได้นานโดยประมาณ  6 – 12 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อที่ใช้และสภาพผิวของแต่ละบุคคล

โปรแกรม Botulinum Toxin / โบท็อกซ์ (Botox) สามารถฉีดบริเวณใดได้บ้าง

การฉีดโบท็อกซ์นอกจากการฉีดเพื่อลดริ้วรอยต่างๆบริเวณใบหน้าได้แล้ว ก็ยังสามารถฉีดบริเวณอื่นๆของร่างกายได้ด้วยเพื่อลดการทำงานของกล้ามเนื้อ เช่น

  1. ฉีดบริเวณโหนกแก้ม เพื่อลดโหนกแก้มให้ดูละมุนมากยิ่งขึ้น
  2. ฉีดบริเวณลำคอ เพื่อให้ริ้วรอยบริเวณลำคอดูตึงกระชับมากยิ่งขึ้น
  3. ฉีดบริเวณกราม เพื่อลดการทำงานของกล้ามเนื้อกราม ปรับรูปหน้าให้ดูเรียวเล็กลง 
  4. ฉีดบริเวณแกนจมูก และ ปีกจมูก เพื่อรัดแกนจมูกให้ดูคมเป็นสันมากยิ่งขึ้น รวมถึง ทำให้ปีกจมูกดูเรียวเล็กลง ดูได้รูปมากยิ่งขึ้น
  5. ฉีดบริเวณแขน น่อง เพื่อลดขนาดกล้ามเนื้อบริเวณในส่วนนั้นๆ ให้ดูเล็กกระชับมากยิ่งขึ้น
  6. ฉีดลดเหงื่อ สามารถฉีดตรงบริเวณที่มีเหงื่อออกมาก เช่น ใต้วงแขน (รักแร้) ฝ่ามือ ฝ่าเท้า

โปรแกรม Botulinum Toxin / โบท็อกซ์ (Botox) ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานในไทยมีอะไรบ้าง?

  1. โบท็อกซ์ (Botox) อเมริกา (Allergan) เป็นโบท็อกซ์แบรนด์แรกของโลกและเป็นที่ยอมรับกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก และนิยมใช้กันมายาวนาน มีการนำมาใช้เพื่อความงาม และมีการวิจัยทางการแพทย์สูงสุด รวมถึงมีคุณภาพสูง ผลลัพธ์มีประสิทธิภาพยาวนาน และเห็นผลอย่างชัดเจน และเนื่องจากมีคุณภาพสูง ก็อาจทำให้มีราคาสูงกกว่าแบรนด์อื่นๆเช่นกัน
  2. โบท็อกซ์ (Botox) อังกฤษ (Dysport) เป็นโบท็อกซ์อีกแบรนด์หนึ่ง ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเช่นกัน เห็นผลรวดเร็ว โดยเฉพาะการใช้โบท็อกซ์ลิฟท์ติ้งยกกระชับใบหน้าแบบเร่งด่วน ฉีดลดเลือริ้วรอยต่างๆ ก็เห็นผลไว และแสดงประสิทธิภาพได้ยาวนานเชนกัน
  3. โบท็อกซ์ (Botox) เยอรมันนี (Xeomin)โบท็อกซ์จากเยอรมันเป็นอีกแบรนด์หนึ่งที่มีการรับรองมาตรฐานมีความปลอดภัย แต่นำเข้ามาใช้ในไทยได้ไม่นานมากนัก โดยทางแบรนด์มีการเคลมว่า ช่วยลดอาการดื้อยา (ดื้อโบท็อกซ์)ในระยะยาว เพราะมีความบริสุทธ์สูง
  4. โบท็อกซ์ (Botox) เกาหลี (Nabota) เป็นโบท็อกซ์เกาหลีที่มีในไทยมานานพอสมควร โดยจุดโดดเด่นคือเห็นผลลัพธ์ค่อนข้างรวดเร็วและมีความบริสุทธิ์สูง ยังชูเรื่องของความบริสุทธิ์ที่สูงถึง และยังเป็นแบรนด์เดียวของเกาหลี ที่ได้รับUSFDA อย.ในอเมริกา ถูกเคลมว่าเป็นโบท็อกซ์ของเกาหลีที่มีคุณภาพใกล้เคียงกับอเมริกามากที่สุด
  5. โบท็อกซ์ (Botox) เกาหลี (Botulax) หลายๆอาจจะคนคงคุ้นเคยและคุ้นหูกันดี กับโบท็อกซ์แบรนด์ Botulax ของเกาหลี และยังเป็นที่นิมยมใช้ในคลินิกชั้นนำเนื่องจากมีราคาที่ไม่สูงมาก เห็นผลค่อนข้างเร็ว เหมาะมากกับการลดกล้ามเนื้อมัดใหญ่ เช่น บริเวณกราม แขน น่อง และคนไทยก็มีความนิยมสูง แต่ผลลัพธ์ก็อาจจะอยู่ได้ไม่นานมาก
  6. โบท็อกซ์ (Botox) เกาหลี (Aestox) AESTOX เป็นโบท็อกซ์ตัวใหม่ล่าสุดที่เพิ่งผ่านการรับรองจาก อย.ไทย ได้เพียงไม่นาน อาจจะยังไม่ค่อยคุ้นหูกันเท่าไหร่ แต่มีการเคลมว่าฉีดแล้วมีความเป็นธรรมชาติสูง หน้าดูไม่แข็งกระด้างจนเกินไป

ผลข้างเคียงในการฉีดโปรแกรม Botulinum Toxin / โบท็อกซ์ (Botox)

  1. ถ้าผู่ที่มีร่างกายอ่อนแอ  หรือ กำลังอดอาหารเพื่อลดความอ้วนอยู่ หรือมีอาการตื่นเต้น เกร็ง ในการฉีดโบท็อกซ์ครั้งแรก อาจะทำให้เกิดวิงเวียนศรีษะ  และเป็นลมได้
  2. หลังจากฉีดอาจจะมีอาการปวดศรีษะ หรือปวดบริเวณที่ฉีดเล็กน้อย แต่จะหายไปเอง
  3. หลังจากฉีดตรงบริเวณที่ฉีดอาจจะทำให้ผิวแห้ง  ควรทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเป็นประจำ
  4. ในกรณีบางคนอาจมีรอยฟกช้ำเล็กน้อยแต่จะหายไปเอง

ก่อนฉีดโปรแกรม Botulinum Toxin / โบท็อกซ์ (Botox) ควรเตรียมตัวอย่างไร?

  1. ควรเลือกคลินิกหรือโรงพยาบายที่ได้มาตรฐานผ่านการรับรอง และแพทย์ที่มีประสบการณ์
  2. ควรเลือกใช้โบท็อกซ์แท้ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานแล้วเท่านั้น
  3. ก่อนฉีดโบท็อกซ์ควรพักผ่อนอย่างเพียงพอ และไม่ควรอดอาหาร
  4. ก่อนฉีดควรให้แพทย์ผสมโบท็อกซ์ให้ดูต่อหน้าทุกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าแพทย์ไม่ได้ทำการเจือจางน้ำเกลือมากเกินไป (เพราะอาจทำให้ไม่เห็นผลลัพธ์ในการฉีด)
  5. ไม่ควรฉีดโบท็อกซ์ในปริมาณที่มากเกินไป หรือ ไม่ควรเกิน 300 ยูนิต ต่อครั้ง ที่ทำการฉีด
  6. ระหว่างการฉีดควรประคบด้วยความเย็น เพื่อลดการไหลเวียนของเส้นเลือดรอบๆ 

หลังฉีดโปรแกรม Botulinum Toxin / โบท็อกซ์ (Botox) ควรปฏิบัติตัวอย่างไร?

  1. หลังฉีดโบท็อกซ์งดนอนราบ 3 – 4 ชั่วโมง
  2. หลังฉีดโบท็อกซ์ควรรีบขยับเกร็งกล้ามเนื้อที่ฉีดทันทีเพื่อให้ตัวยากระจายได้อย่างทั่วถึง 
  3. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด และงดการทำหรือรับประทานอาหารที่ต้องอยู่หน้าเตาร้อนๆ 1-2 สัปดาห์
  4. หากมีคอร์สทำหน้า นวดหน้า ควรงด 1- 2 สัปดาห์หลังทำ รวมถึงกลุ่มการทำเลเซอร์ที่ให้พลังงานความร้อนด้วย
  5. พยายามหลีกเลี่ยงการโดนความร้อนทุกชนิด เช่น แสงแดด การอาบน้ำร้อน ไดร์ผม

ทำไมถึงต้องฉีดโปรแกรม Botulinum Toxin / โบท็อกซ์ (Botox) ที่ พลอยรดา คลินิก

  1. โบท็อกซ์ที่เราใช้ผ่านการรับรองมาตรฐานทั้งไทยและต่างประเทศ สามารถตรวจสอบได้ทุกแบรนด์
  2. โบท็อกซ์ที่ใช้เรารับตรงมาจากบริษัทแม่ที่จัดจำหน่ายเท่านั้น ไม่ใช้ของหิ้ว หรือ ของปลอม
  3. ทีมแพทย์ที่ทำหัตถการมากประสบการณ์กว่า 5 ปี ในวงการความงาม
  4. ทีมแพทย์ใส่ใจละเอียดพิถีพิถันในทุกๆขั้นตอน ประเมิณ วิเคราะห์ใบหน้า แก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด
  5. ฉีดสวย ไม่แข็งกระด้าง ดูเป็นธรรมชาติ สามารถแสดงสีหน้าได้ตามปกติ

Share the Post:

Related Posts

บริการ

โปรแกรม Acne Scar รักษาหลุมสิว เผยผิวเรียบเนียน กระจ่างใส รูขุมขนกระชับ

หลุมสิว รอยสิว ปัญหาผิวที่หลาย ๆ คน คงไม่อยากให้เกิดขึ้นกับบนผิวหน้าของเรา เพราะเมื่อเป็นแล้วรักษาค่อนข้างยาก และใช้เวลานานในการรักษา แต่ปัจจุบันมีนวัตกรรมและเทคโนโลยีมากมายที่ช่วยรักษาหลุมสิว รอยสิว ได้เป็นอย่างดี และที่พลอยรดา คลินิก ของเรา ก็มีโปรแกรมการรักษาหลุมสิว รอยสิว ด้วยนวัตกรรมที่เรียกว่า “Genosys Dermafix” โปรแกรม

บริการ

โปรแกรม Acne Course รักษาสิว ด้วยนวัตกรรม LED Omega Light การรักษาแบบเฉพาะของพลอยรดา คลินิก

สาเหตุของการเกิดสิว เกิดจาการที่รูขุมขนของเรามีต่อมไขมันอยู่ข้าง ๆ รูขุมขน และเมื่อต่อมไขมันผลิตน้ำมัน เพื่อจะไปเลี้ยงผิว แต่กลับออกจากรูขุมขนไม่ได้ ก็จะทำให้เกิดภาวะอุดตันอยู่ที่รูขุมขน ซึ่งภาวะนี้จะเรียกว่า สิวอุดตัน แต่ปัจจัยที่กระตุ้นเรื่องของการผลิตไขมันที่มากกว่าปกติ ได้แก่ กรรมพันธุ์ ฮอร์โมน ส่วนปัจจัยที่ทำให้เกิดการอุดตัน คือ ฝุ่นละออง การแต่งหน้า เหงื่อ การทำความสะอาดหน้าที่ไม่สะอาดพอ ทั้งหมดนี้ก็มีส่วนในการก่อให้เกิดการอุดตัดของปากรูขุมขน