ในยุคที่เทคโนโลยียกกระชับใบหน้าพัฒนาอย่างก้าวกระโดด หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อของ “Oligio” และ “Thermage FLX” ทั้งสองต่างมีจุดเด่นเฉพาะตัว ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ได้รับความนิยมสูงสุดในวงการความงาม หนึ่งในคำถามที่พบบ่อยคือ Oligio กับ Thermage FLX ต่างกันอย่างไร และ Oligio กับ Thermage FLX อันไหนดีกว่ากัน วันนี้ Ployrada มีคำตอบมาฝากกัน
Oligio กับ Thermage FLX อันไหนดีกว่ากัน
คำถามที่หลายคนสงสัยว่า Oligio กับ Thermage FLX อันไหนดีกว่ากัน ไม่มีคำตอบตายตัวว่าอันไหน “ดีกว่า” เพราะขึ้นอยู่กับ ปัญหาผิว ความคาดหวัง และงบประมาณ ของแต่ละคน หากเป้าหมายของคุณคือการยกกระชับใบหน้าในระดับลึก และต้องการผลลัพธ์ที่คงอยู่นาน ไม่ต้องการทำบ่อย Thermage FLX อาจเหมาะกว่า แต่หากคุณต้องการผิวเต่งตึง กระชับแบบพอประมาณ ไม่ต้องการรู้สึกเจ็บ และมีงบประมาณจำกัด และสามารถทำได้บ่อย Oligio เป็นทางเลือกที่คุ้มค่ามาก เพราะใช้เทคโนโลยีใกล้เคียงการการทำ Thermage FLX

เปรียบเทียบ Oligio กับ Thermage FLX ต่างกันอย่างไร
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนว่า Oligio กับ Thermage FLX ต่างกันอย่างไร เราสามารถเปรียบเทียบในด้านต่าง ๆ ของทั้งสองหัตถการ ดังนี้
1. แหล่งผลิตและการรับรอง
Oligio : เป็นเทคโนโลยีใหม่ผลิตในเกาหลีใต้ เริ่มใช้ประมาณ 5 ปี ได้รับความนิยมในคลินิกความงามทั่วเอเชีย โดยเฉพาะในเกาหลีและไทย
Thermage FLX : ถูกพัฒนาโดยบริษัท Solta Medical จากสหรัฐอเมริกา มี FDA รับรองทั้งในไทยและต่างประเทศ มีประวัติการใช้งานยาวนานกว่า 20 ปี
2. เทคโนโลยีและการทำงาน
Oligio : ใช้คลื่นวิทยุ Monopolar RF (Radio Frequency) คลื่นความถี่ที่ 6.78 MHz คล้าย Thermage Flx แต่เป็นเครื่องจากเกาหลี ให้พลังงาน RF ที่แม่นยำลงลึกถึงชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมัน ได้อย่างสม่ำเสมอและแม่นยำ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวแน่น กระชับ สลายไขมันและลดเหนียง ผิวเรียบเนียนขึ้นทันทีหลังทำ เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยแต่ไม่ต้องการความเจ็บหรือรอยแผล มีระบบทำความเย็น (Cooling System) ปล่อยออกมาขณะที่ทำเพื่อลดความเจ็บปวด ลดความเสี่ยงจากการเบิร์น โดยใช้เวลาในการทำเพียง 20-30 นาทีต่อครั้ง
Thermage FLX : เป็นนวัตกรรมยกกระชับจากประเทศสหรัฐอเมริกา ใช้คลื่นความถี่วิทยุ Monopolar RF (Radio Frequency) คลื่นความถี่ที่ 6.78 MHz เพื่อส่งพลังงานลึกถึงชั้น SMAS และชั้นไขมันใต้ผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และยกกระชับทันทีหลังทำ มีเทคโนโลยี AccuREP ในการปรับค่าพลังงานอัตโนมัติเพื่อให้พลังงานสม่ำเสมอเหมาะกับสภาพผิวของเรา มีระบบทำความเย็น (Cooling System) ปล่อยออกมาขณะที่ทำเช่นกับ Oligio แต่อาจจะลดความเจ็บปวดได้ดีไม่เท่ากับตัว Oligio และจะใช้เวลาในการทำอยู่ที่ 45-60 นาทีต่อครั้ง
3. ความรู้สึกระหว่างทำ
Oligio : ไม่ต้องทายาชา สามารถลงมือทำได้เลย ขณะหัวเครื่องสัมผัสผิว จะรู้สึก อุ่น ๆ หรือร้อนจี๊ดในบางจุด ในบางบริเวณ เช่น กรอบหน้า แนวกราม หรือใต้ตา อาจรู้สึกจี๊ดเล็กน้อย ไม่มีแผล ไม่มีรอยแดงหลังทำ สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ตัวเครื่องถูกออกแบบมาเพื่อความสบายขณะทำมากกว่า เจ็บน้อย เหมาะกับคนที่กลัวความเจ็บปวด
Thermage FLX : ก่อนที่จะทำจะมีการทายาชาประมาณ 45 นาที – 1 ชั่วโมง และขณะที่ทำจะรู้สึกเจ็บนิดๆ และอุ่นที่ผิวมากกว่า Oligio เพราะพลังงานส่งลึกถึงชั้นไขมันใต้ผิว แต่ก็จะมีระบบทำความเย็น (Cooling System) ถูกปล่อยออกมาเป็นระยะๆ เพื่อลดความเจ็บ ให้ผิวผ่อนคลาน และลดโอกาสที่ผิวเบิร์นได้
4. ผลลัพธ์ที่ได้
Oligio : เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังทำ 20-30% และชัดเจนขึ้นใน 2-3 เดือน ช่วยยกกระชับใบหน้า สร้างกรอบหน้าที่ชัดเจน ช่วยให้ผิวเต่งตึง สร้างคอลลาเจนทำให้ผิวบริเวณนั้นกลับมาเรียบเนียน ลดเลือนริ้วรอย และลดไขมันส่วนเกิน โดยผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นาน 6-12 เดือน (ขึ้นอยู่กับการดูแลของแต่ละคน)
Thermage FLX : หลังจากที่ทำ Thermage FLX ในครั้งแรกจะเห็นผลหลังทำทันที 20-30% ได้ผิวยกกระชับมากขึ้น ริ้วรอยลดลง ลดไขมัน ได้ใบหน้าเรียว กรอบหน้าที่ชัดขึ้น ผิวดูอ่อนวัยลงแบบไม่หลอกตา และจะเห็นผลชัดเจนใน 2-3 เดือน โดยการทำ Thermage FLX 1 ครั้ง สามารถอยู่ได้นานถึง 1-2 ปี
5. ราคาค่าบริการ
Oligio : สำหรับราคาโดยประมาณในการทำ Oligio เริ่มต้นที่ 20,000 – 50,000 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาและสภาพผิวของแต่ละบุคคล บริเวณและจำนวน shot ที่ทำ
Thermage FLX : โดยราคาโดยประมาณในการทำ Thermage FLX เริ่มต้นอยู่ที่ 30,000 – 120,000 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาและสภาพผิวของแต่ละบุคคล บริเวณและจำนวน shot ที่ทำ
6. เหมาะกับใคร
Oligio : เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวเริ่มหย่อนคล้อย รูขุมขนกว้าง มีริ้วรอย ร่องลึกกรอบหน้าไม่กระชับ มีปัญหาไขมันเยอะบริเวณแก้ม เหนียง ต้องการกระตุ้นคอลลาเจน
Thermage FLX : เหมาะกับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยมากขึ้น เช่น ร่องแก้มลึก เหนียงชัด กรอบหน้าเบลอ ไขมันสะสมเป็นจำนวนมาก มีริ้วรอยมาก หนังตาตก ผิวไม่เรียบเนียนเต่งตึง

และนี้ก็เป็นความแตกต่างระหว่าง Oligio กับ Thermage FLX จะเห็นได้ว่าทั้งสองต่างมีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่ช่วยเรื่องของการยกกระชับผิวที่แตกต่างกันไป ควรเลือกตามปัญหาผิว งบประมาณ และเป้าหมายของผลลัพธ์ที่ต้องการ ไม่ว่าจะเลือก Oligio กับ Thermage หากทำกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ก็สามารถเห็นผลได้อย่างปลอดภัยและน่าพึงพอใจอย่างแน่นอน อย่างที่ Ployrada Clinic เราดูแลโดยแพทย์ผู้ชำนาญการด้านผิวหนัง และความงาม ปลอดภัย ด้วยเทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับระดับสากล ด้วยราคาที่เข้าถึงง่าย ตอบโจทย์ทุกปัญหาผิว ปรึกษาทีมแพทย์ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพียงแอดไลน์ @ployrada ได้เลย