กำลังมองหาฟิลเลอร์คุณภาพสูงที่ช่วยปรับรูปหน้า เติมเต็มร่องลึก หรือแก้ปัญหาผิวบางในจุดสำคัญใช่ไหม? ฟิลเลอร์ Juvederm คือหนึ่งในแบรนด์ที่แพทย์ผิวหนังและคลินิกชั้นนำทั่วโลกไว้วางใจ ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ล้ำสมัยและเนื้อเจลที่หลากหลาย Juvederm จึงตอบโจทย์ได้ทั้งในด้านความเป็นธรรมชาติ ความปลอดภัย และผลลัพธ์ที่อยู่ได้นาน วันนี้ Ployrada จะพาคุณรู้จักฟิลเลอร์ Juvederm แต่ละรุ่น เปรียบเทียบคุณสมบัติ จุดเด่น และบริเวณที่เหมาะกับการฉีด พร้อมคำแนะนำจากแพทย์ เพื่อให้คุณเลือกได้แบบไม่ลังเล และได้ผลลัพธ์ที่ใช่ตรงใจที่สุด
ฟิลเลอร์ Juvederm คืออะไร?
ฟิลเลอร์ Juvederm (จูวีเดิร์ม) คือฟิลเลอร์กลุ่ม Hyaluronic Acid (HA) คุณภาพสูงจากประเทศสหรัฐอเมริกา ผลิตโดยบริษัท Allergan ซึ่งเป็นบริษัทเดียวกับที่ผลิต ยาฉีดปรับรูปหน้า Allergan ได้รับการรับรองจากทั้ง US FDA และ อย. ของประเทศไทย เป็นฟิลเลอร์ที่แพทย์ทั่วโลกนิยมใช้ในการปรับรูปหน้า เติมเต็มร่องลึก และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
จุดเด่นของ Juvederm คือเป็นฟิลเลอร์ที่ใส่ยาชา Lidocaine มาในหลอดเลย ช่วยให้ตอนฉีดรู้สึกเจ็บน้อยลงมาก ใครที่กลัวเข็มก็สบายใจได้เลย นอกจากนี้เนื้อเจลยังเนียน ละเอียด และยืดหยุ่นดีสุด ๆ ทำให้กระจายตัวได้เรียบ ไม่จับเป็นก้อน ไม่เป็นคลื่น แม้จะฉีดตรงผิวบาง ๆ อย่างใต้ตา ริมฝีปาก หรือร่องแก้ม ผลลัพธ์ที่ได้เลยดูธรรมชาติ ไม่โป๊ะ ไม่แข็ง ได้ฟีลผิวสวยแบบไม่รู้ว่าเพิ่งฉีดมา
ฟิลเลอร์ Juvederm ต่างจากยี่ห้ออื่นอย่างไร?
แม้ว่าฟิลเลอร์หลายยี่ห้อจะใช้สารตัวเดียวกันอย่างกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid: HA) ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่มีอยู่ในร่างกาย แต่สิ่งที่ทำให้แต่ละแบรนด์ไม่เหมือนกันก็คือ “เทคโนโลยีการผลิต” และ “กระบวนการขึ้นรูปเนื้อเจล” นั่นเอง ซึ่งมีผลต่อคุณสมบัติต่าง ๆ อย่างเช่น ความยืดหยุ่นของเนื้อฟิลเลอร์ การกระจายตัวในผิว ความชุ่มน้ำ และความคงตัวหลังฉีด
บางยี่ห้ออาจเด่นเรื่องช่วยยกกระชับ บางยี่ห้อเหมาะกับฉีดบริเวณผิวบางเพราะกระจายตัวดี หรือบางยี่ห้ออยู่ได้นานและไม่ค่อยบวมน้ำ ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของคนไข้ และแพทย์จะเป็นผู้เลือกให้ตรงจุดมากที่สุด
เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้นว่าแบรนด์ไหนเหมาะกับอะไร เราจะพาคุณไปดูตารางเปรียบเทียบจุดเด่นของ Juvederm กับแบรนด์ยอดนิยมอื่น ๆ ที่คลินิกมักเลือกใช้กัน
เปรียบเทียบจุดเด่นของ Juvederm กับแบรนด์อื่น
ยี่ห้อ | จุดเด่น |
Juvederm | เรียบเนียนสูง ดูเป็นธรรมชาติ มีทั้งเนื้อนิ่มและเนื้อแน่นให้เลือก ใช้ Vycross และ Hylacross Technology |
Restylane | โมเลกุลใหญ่ ยกพยุงผิวดี อยู่ได้นาน เหมาะกับคนที่ต้องการความแน่น |
Perfectha | เทคโนโลยี E-Brid ให้ฟิลเลอร์คงตัวดี เหมาะกับการเติมลึกและอยู่ได้นาน |
Belotero | เจลฟิลเลอร์คงตัวสูง ฉีดได้แม่นยำ ปั้นสวยในจุดที่ต้องการความละเอียด |
ฟิลเลอร์ Juvederm จึงเหมาะอย่างมากสำหรับจุดที่ต้องการความเรียบเนียนและความปลอดภัยสูง เช่น ใต้ตา ร่องแก้ม ปาก คาง ขมับ หน้าผาก หรือแก้มตอบ ด้วยคุณสมบัติของเนื้อฟิลเลอร์ที่กระจายตัวได้ดี ไม่จับเป็นก้อน ไม่เป็นคลื่น หลังฉีดแล้วผิวดูเรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่แข็ง ไม่โป๊ะ โดยเฉพาะในจุดที่ผิวบางหรือมีการเคลื่อนไหวบ่อย Juvederm จะช่วยเติมเต็มได้อย่างนุ่มนวล ลดโอกาสเกิดก้อนหรือบวม และยังให้ผลลัพธ์ที่คงอยู่ได้นาน
ฟิลเลอร์ Juvederm มีกี่รุ่น? รู้จักแต่ละรุ่นแบบละเอียด
ฟิลเลอร์ Juvederm แบ่งออกเป็น 2 เทคโนโลยีหลัก ซึ่งมีผลต่อคุณสมบัติของเนื้อฟิลเลอร์ การกระจายตัว และความเหมาะสมต่อจุดที่ฉีด
- Hylacross Technology เป็นเทคโนโลยีรุ่นดั้งเดิมของ Juvederm ที่ใช้โมเลกุลของกรดไฮยาลูรอนิก (HA) ขนาดเท่ากันทั้งหมด ทำให้เนื้อเจลเข้มข้น มีความอุ้มน้ำดี ให้ผลลัพธ์ที่ฟูและยืดหยุ่นสูง เหมาะกับบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวบ่อย เช่น ร่องแก้ม หรือปาก โดยเฉพาะรุ่น Ultra XC และ Ultra Plus XC ที่ใช้เทคโนโลยีนี้
- Vycross Technology เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ผสมผสานโมเลกุลของ HA ทั้งขนาดเล็กและใหญ่เข้าด้วยกัน ทำให้ฟิลเลอร์มีโครงสร้างที่หนาแน่นและยืดหยุ่นสูง อุ้มน้ำน้อย ไม่บวมหลังฉีด ดูเป็นธรรมชาติ เหมาะกับจุดที่ต้องการความเรียบเนียนหรือการปั้นรูปทรง เช่น ใต้ตา คาง โหนกแก้ม หรือขมับ อีกทั้งยังมีอายุการคงอยู่ที่ยาวนานกว่ารุ่นเดิม
Juvederm Ultra Plus XC
- เทคโนโลยี Hylacross
- เนื้อฟิลเลอร์ มีความหนาแน่นและฟูในระดับปานกลางถึงมาก เห็นผลลัพธ์หลังฉีดได้ชัดเจนทันที เหมาะกับการยกกระชับและเพิ่มวอลุ่มบริเวณที่ต้องการเสริมรูปหน้า
- จุดที่เหมาะสม เหมาะสำหรับฉีดร่องแก้มลึก คาง แก้มตอบ และริมฝีปาก โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาผิวตอบ ร่องลึก หรือเนื้อผิวฝ่อลงจากวัย
- จุดเด่น เด่นเรื่องการเติมเต็มร่องลึก ปรับรูปหน้าให้ดูอิ่มฟู มีมิติ และอ่อนเยาว์ขึ้น เหมาะกับคนที่ต้องการเห็นผลชัดเจนและต้องการความเปลี่ยนแปลงในทันที
- อยู่ได้นาน อยู่ได้ประมาณ 12 เดือน เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับการปรับรูปหน้าและเติมเต็มปัญหาร่องลึกแบบเน้นผลลัพธ์

Juvederm Ultra XC
- เทคโนโลยี Hylacross
- เนื้อฟิลเลอร์ นุ่มระดับกลาง ให้สัมผัสอ่อนโยน ยืดหยุ่นดี รองรับการเคลื่อนไหวของใบหน้าโดยเฉพาะบริเวณปากและร่องปาก
- จุดที่เหมาะสม เหมาะสำหรับฉีดปาก ร่องปากบนล่าง รอยย่นรอบปาก ให้ลุคปากอิ่มน้ำ ดูสุขภาพดีแบบธรรมชาติ ไม่แข็ง ไม่โป๊ะ
- จุดเด่น เด่นเรื่องการเติมปากธรรมชาติ Juvederm Ultra XC เหมาะกับมือใหม่ที่อยากเริ่มต้นฉีดฟิลเลอร์ปาก เนื้อเจลผสมยาชา Lidocaine ช่วยให้เจ็บน้อยตอนฉีด ให้ริมฝีปากดูฟูเบา ๆ อวบอิ่มแบบเด็กลง เป็นธรรมชาติ ไม่เวอร์
- อยู่ได้นาน 6-9 เดือน เหมาะกับผู้ที่อยากเริ่มทดลองฉีดฟิลเลอร์ปาก และชอบลุคธรรมชาติ ไม่เน้นความเปลี่ยนแปลงมากเกินไป

Juvederm Volite
- เทคโนโลยี Vycross
- เนื้อฟิลเลอร์ เนื้อบางมาก มีความละเอียดสูงและไหลตัวดีเยี่ยม เหมาะสำหรับฉีดในผิวชั้นตื้น เช่น ใต้ตาและผิวหน้า เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นจากภายในโดยไม่เพิ่มวอลุ่ม
- จุดที่เหมาะสม เหมาะกับฉีดใต้ตา คอ หลังมือ ผิวหน้าชั้นตื้น หรือจุดที่ต้องการฟื้นฟูสภาพผิวให้ชุ่มชื้นและดูสุขภาพดี โดยไม่เน้นการเสริมรูปหน้า
- จุดเด่น เด่นเรื่องการฟื้นฟูผิวแห้ง เติมน้ำให้ผิวจากภายใน Juvederm Volite ช่วยให้ผิวฉ่ำวาว เนียนใส อิ่มน้ำ ดูสดใสขึ้นแบบธรรมชาติ เหมาะกับคนที่ต้องการผิวสุขภาพดีโดยไม่เปลี่ยนโครงหน้า
- อยู่ได้นาน อยู่ได้นาน 6-9 เดือน เป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่อยากฟื้นฟูผิวแบบไม่ต้องผ่าตัด และไม่เน้นการปรับรูปหน้า

Juvederm Voluma
- เทคโนโลยี: Vycross
- เนื้อฟิลเลอร์: เนื้อแข็งปานกลาง มีความหนาแน่นสูง สามารถขึ้นทรงได้ดีเยี่ยม เหมาะกับการปั้นรูปหน้าให้ดูชัด ยกกระชับ ไม่ย้อย
- จุดที่เหมาะสม: เหมาะกับการฉีดโหนกแก้ม ขมับ คาง และบริเวณอื่นที่ต้องการเพิ่มวอลุ่มและปรับโครงหน้าให้ดูมีมิติ คมชัดมากขึ้น
- จุดเด่น: Juvederm Voluma เด่นเรื่องการเติมเต็มโครงหน้า เสริมจุดที่ยุบตัวจากอายุหรือผิวหย่อนคล้อย เช่น โหนกแก้ม คาง ให้แลดูอ่อนเยาว์และยกกระชับ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการปรับรูปหน้าให้สวยแบบมีมิติอย่างเห็นได้ชัดเจน
- อยู่ได้นาน: 18-24 เดือน ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน เหมาะกับผู้ที่มองหาฟิลเลอร์โครงหน้าแบบยาวนาน ไม่ต้องเติมบ่อย

Juvederm Volift
- เทคโนโลยี Vycross
- เนื้อฟิลเลอร์ นิ่ม ยืดหยุ่นสูง มีความละเอียดดีเยี่ยม เหมาะกับผิวบริเวณบางและมีการเคลื่อนไหว
- จุดที่เหมาะสม ใต้ตา ร่องแก้ม ร่องมุมปาก หรือบริเวณที่ต้องการเติมร่องลึกโดยให้ผลลัพธ์เรียบเนียน
- จุดเด่น เนื้อฟิลเลอร์สามารถเก็บรายละเอียดเล็ก ๆ ได้ดี ไม่เป็นก้อน ไม่ดันผิว ทำให้ใบหน้าดูสดใสขึ้นแบบเป็นธรรมชาติ
- อยู่ได้นาน 12-18 เดือน เหมาะสำหรับผู้ที่มีร่องลึกระดับปานกลาง

Juvederm Volbella
- เทคโนโลยี: Vycross
- เนื้อฟิลเลอร์: เนื้อบางละเอียดที่สุดในกลุ่ม Juvederm ให้สัมผัสเนียนกลืนกับผิว เหมาะสำหรับฉีดในผิวชั้นตื้น เช่น บริเวณที่มีความบอบบางสูง
- จุดที่เหมาะสม: เหมาะกับฉีดใต้ตา ริมฝีปาก หน้าผาก หรือร่องริ้วเล็ก ๆ รอบปาก ช่วยให้ผิวดูเนียนเรียบ ไม่เป็นคลื่น เติมเต็มอย่างเป็นธรรมชาติ
- จุดเด่น: โดดเด่นเรื่องความละเอียด เนื้อฟิลเลอร์กลืนไปกับผิว ไม่โป๊ะ ไม่บวม ช่วยให้ใบหน้าดูสดใสแบบลุคธรรมชาติ เหมาะกับผู้ที่ต้องการ “ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาหรือริมฝีปากให้ดูเป็นธรรมชาติ” โดยไม่ต้องเสริมวอลุ่มมาก
- อยู่ได้นาน: 12 เดือน เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์แม่นยำ ไม่เกิดก้อน และเหมาะสำหรับงานผิวในจุดที่ต้องการความเรียบเนียนขั้นสุด

Juvederm Volux
- เทคโนโลยี: Vycross
- เนื้อฟิลเลอร์: เนื้อแน่น แข็งมากที่สุดในกลุ่ม Juvederm ช่วยสร้างโครงหน้าคมชัดแบบไม่ต้องศัลยกรรม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับและเสริมโครงหน้าให้เห็นผลชัดเจน
- จุดที่เหมาะสม: คาง กราม กรอบหน้า เหมาะกับการปั้นหน้า V-Shape เสริมคางให้ดูยาวขึ้น หรือเติมมุมกรามให้คมแบบธรรมชาติ
- จุดเด่น: เด่นเรื่องการปรับรูปหน้าโดยเฉพาะ Juvederm Volux สามารถช่วยเสริมคางให้ดูยาวขึ้น กรอบหน้าชัดแบบมีมิติ เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ชัดเจนแบบไม่ต้องผ่าตัด ถือเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ของคนที่มองหา “ฟิลเลอร์เสริมคาง กราม และกรอบหน้าให้ดูคมชัด”
- อยู่ได้นาน: 18-24 เดือน ผลลัพธ์ติดทนนาน เหมาะกับคนที่อยากเสริมโครงหน้าแบบถาวรโดยไม่ต้องเติมบ่อย

Juvederm ฉีดใต้ตา ใช้รุ่นไหนดี?
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นจุดที่ต้องใช้ความละเอียดและปลอดภัยสูง เนื่องจากบริเวณนี้มีผิวบางและมีโอกาสเกิดถุงใต้ตาเทียมหากใช้ฟิลเลอร์ไม่เหมาะสม จึงต้องเลือกสูตรที่เนื้อฟิลเลอร์มีความละเอียดสูงและไหลตัวดี เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เรียบเนียนกลืนไปกับผิวธรรมชาติ ซึ่งในกลุ่มของ Juvederm ก็มีหลายรุ่นที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับจุดนี้
- Juvederm Volift เป็นฟิลเลอร์เนื้อนิ่มละเอียด ยืดหยุ่นสูง เหมาะกับผู้ที่มีร่องใต้ตาลึกหรือมีรอยคล้ำใต้ตาเล็กน้อย ต้องการความเรียบเนียนและไม่โป๊ะ
- Juvederm Volbella เป็นรุ่นที่เนื้อฟิลเลอร์บางที่สุด ให้ผลลัพธ์ธรรมชาติสูง เหมาะกับผู้ที่มีผิวบางมาก ต้องการผลลัพธ์ที่แนบเนียนที่สุด ลดความเสี่ยงการเกิดก้อนหรือถุงใต้ตาเทียมได้ดี

Juvederm ฉีดปาก ใช้รุ่นไหนดี?
การเลือกฟิลเลอร์สำหรับฉีดปากควรพิจารณาจากลุคที่ต้องการและสภาพผิวบริเวณริมฝีปาก โดย Juvederm มีหลายรุ่นที่ตอบโจทย์ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นลุคธรรมชาติหรือสายฝอ ซึ่งแพทย์จะเลือกให้เหมาะกับแต่ละบุคคล เช่น
- Ultra XC สำหรับผู้ที่ต้องการลุคธรรมชาติ ปากอิ่มน้ำ ดูสดใส ไม่ดูเปลี่ยนแปลงมาก เหมาะกับคนที่ไม่เคยฉีดมาก่อน
- Ultra Plus XC สำหรับผู้ที่อยากได้ริมฝีปากฟูเต็ม ปรับทรงให้คมชัด ลุคเซ็กซี่แบบสายฝอ เห็นความแตกต่างชัดเจน
- Volbella สำหรับลุคหวานละมุน ริมฝีปากดูอวบอิ่มแบบเบา ๆ ไม่โป๊ะ เหมาะกับคนที่ต้องการความเป็นธรรมชาติขั้นสุด
ทั้งหมดนี้แพทย์จะเป็นผู้ช่วยประเมินและเลือกสูตรให้เหมาะกับลักษณะปาก ความหนาของริมฝีปากเดิม และผลลัพธ์ที่คุณต้องการ เพื่อให้ผลออกมาสวยกลมกลืนที่สุดก่อนเข้าสู่ขั้นตอนการวางแผนปริมาณ cc ที่ใช้ในแต่ละจุด
ฟิลเลอร์ Juvederm ของแท้ดูอย่างไร?
การเลือกใช้ฟิลเลอร์ของแท้เป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะฟิลเลอร์ปลอมไม่เพียงแค่ให้ผลลัพธ์ที่ไม่น่าพึงพอใจ แต่ยังอาจเสี่ยงต่อการอักเสบ แพ้ หรือเป็นอันตรายต่อผิวได้ ดังนั้นก่อนตัดสินใจฉีดทุกครั้ง ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าคลินิกใช้ Juvederm ของแท้จาก Allergan ซึ่งสามารถดูได้จาก:
- กล่องฟิลเลอร์ต้องมีสติกเกอร์เลขล็อต (Lot Number) และบาร์โค้ดที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับกับบริษัทได้
- มีเอกสารรับรอง (Certificate) จากบริษัทตัวแทนจำหน่ายโดยตรงในไทย
- คลินิกควรให้ลูกค้าเห็นกล่องจริงก่อนฉีด และเปิดกล่องต่อหน้าเพื่อความโปร่งใส
- เข็มต้องอยู่ในแพ็กสูญญากาศ ไม่ถูกเปิดล่วงหน้า และมีฉลากครบถ้วน
- แพทย์สามารถอธิบายรายละเอียดของฟิลเลอร์รุ่นนั้น ๆ ได้ชัดเจน
ที่ Ployrada Clinic เราใช้ฟิลเลอร์ Juvederm แท้ 100% ทุกเคส ตรวจสอบได้จริง และเปิดกล่องใหม่ต่อหน้าคนไข้ทุกครั้ง มั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัยได้เต็มที่

Juvederm 1 กล่องมีกี่ cc?
ฟิลเลอร์ Juvederm ทุกกล่องบรรจุ 1 cc ต่อกล่อง เป็นขนาดมาตรฐานที่ใช้ในคลินิก และถูกออกแบบมาให้ใช้งานสะดวกต่อการควบคุมปริมาณขณะฉีด โดยแพทย์จะประเมินว่าบริเวณที่ต้องการฉีดควรใช้กี่ cc ซึ่งในบางเคสอาจใช้เพียง 1 กล่องก็เพียงพอ เช่น ฉีดปาก หรือใต้ตา แต่สำหรับการปรับรูปหน้าในบริเวณที่กว้างขึ้น เช่น คาง กรอบหน้า หรือขมับ อาจต้องใช้มากกว่า 1 กล่องขึ้นไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาและเป้าหมายของคนไข้
ราคาฟิลเลอร์ Juvederm
รุ่น | ราคาต่อ 1 cc (โดยประมาณ) |
Ultra Plus XC | 12,XXX บาท |
Voluma | 14,XXX บาท |
Volift | 15,XXX บาท |
Volite | 14,XXX บาท |
Volbella | 14,XXX บาท |
Volux | 18,XXX บาท |
หมายเหตุ: ราคาอาจแตกต่างกันตามคลินิกและเทคนิคของแพทย์
ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี? ทำไมต้องเลือกฉีด Juvederm ที่ Ployrada Clinic?
หากคุณกำลังมองหาคลินิกสำหรับฉีดฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐาน ใช้ฟิลเลอร์ของแท้ และมีทีมแพทย์เชี่ยวชาญ Ployrada Clinic คือหนึ่งในคำตอบที่คุณไว้วางใจได้ ด้วยประสบการณ์การฉีดฟิลเลอร์จำนวนมากและรีวิวจริงจากผู้ใช้บริการ พร้อมทั้งการประเมินโดยแพทย์ก่อนทำอย่างละเอียด เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ออกมาสวยและปลอดภัยที่สุด
- ฟิลเลอร์แท้ 100% ตรวจสอบล็อตได้
- ฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์สูง
- ประเมินใบหน้าอย่างแม่นยำก่อนฉีด
- มีรีวิวจากเคสจริง พร้อมผลลัพธ์ชัดเจน
- ใช้เทคนิคเฉพาะเพื่อให้ผลลัพธ์สวย เนียน และปลอดภัย
ฟิลเลอร์ถือเป็นหนึ่งในทางเลือกยอดนิยมของการปรับรูปหน้าแบบไม่ต้องผ่าตัด ด้วยคุณสมบัติที่ช่วยเติมเต็มร่องลึก ยกกระชับผิว และเสริมมิติให้ใบหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะแบรนด์ Juvederm ที่ขึ้นชื่อเรื่องเนื้อฟิลเลอร์ละเอียด ปลอดภัย และผลลัพธ์ดูสวยเนียนกลืนกับผิวหากคุณกำลังสนใจอยากฉีดฟิลเลอร์ แต่ยังไม่แน่ใจว่าควรเลือก Juvederm รุ่นไหนดี หรือบริเวณไหนเหมาะกับปัญหาของคุณ สามารถปรึกษาทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของ Ployrada Clinic ได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมรับคำแนะนำเฉพาะบุคคลก่อนตัดสินใจ เพียงแอดไลน์ @ployrada เพื่อจองคิวหรือสอบถามโปรโมชั่นได้เลย