Thermage คือเทคโนโลยียกกระชับผิวหน้าที่ฮิตทั่วโลก เพราะช่วยให้ผิวแน่นกระชับขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ใช้เข็ม และไม่ต้องพักฟื้น ด้วยพลังงานคลื่นวิทยุ (RF) ที่ลงลึกถึงชั้นผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติและอยู่ได้นาน
ทุกวันนี้ Thermage ได้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีหลายรุ่นให้เลือก ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นไปจนถึงรุ่นล่าสุดอย่าง Thermage FLX ที่ทั้งเร็ว เจ็บน้อย และแม่นยำยิ่งขึ้น วันนี้ Ployrada จะพาคุณไปรู้จักความแตกต่างของแต่ละรุ่น พร้อมแนะนำว่ารุ่นไหนเหมาะกับใคร และควรเลือกทำที่ไหนให้ปลอดภัยและเห็นผลจริง
Thermage คืออะไร?
Thermage คือเทคโนโลยีที่ใช้พลังงานความร้อนจากคลื่นวิทยุ (Monopolar RF) ส่งผ่านหัวทิปเฉพาะไปยังชั้นผิวหนังลึก เพื่อให้คอลลาเจนที่เสื่อมสภาพเกิดการหดตัว และกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้ผิวมีความแน่น ยืดหยุ่น และยกกระชับมากขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
ความโดดเด่นของ Thermage คือ เป็นหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ใช้เข็ม ไม่มีรอยแผล และไม่ต้องพักฟื้น หลังทำสามารถใช้ชีวิตตามปกติได้ทันที อีกทั้งยังเห็นผลการเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป และอยู่ได้นานถึง 12–18 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและอายุของแต่ละคน
Thermage สามารถทำได้ทั้งบริเวณใบหน้า เหนียง คอ รอบดวงตา และแม้แต่ผิวกาย เช่น หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา หรือสะโพก
Thermage มีกี่รุ่น แต่ละรุ่นแตกต่างกันอย่างไร
เครื่อง Thermage ยกกระชับผิว มีทั้งหมด 4 รุ่นหลัก ๆ ที่ถูกพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นทั้งในด้านเทคโนโลยี ความรู้สึกขณะทำ และผลลัพธ์หลังทำ โดย Thermage แต่ละรุ่นมีความแตกต่างกัน ดังนี้

1. Thermage TC (ThermaCool)
Thermage TC เป็นรุ่นบุกเบิกของเทอร์มาจที่เปิดตัวในปี 2002 ซึ่งถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของเทคโนโลยียกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด โดยเครื่องจะปล่อยคลื่นวิทยุความถี่สูง (Monopolar RF) ส่งพลังงานความร้อนลงลึกถึงชั้นหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมันใต้ผิว เพื่อกระตุ้นการหดตัวของคอลลาเจนที่เสื่อมสภาพ และส่งเสริมการสร้างคอลลาเจนใหม่ ผิวจึงดูตึง กระชับ เรียบเนียนขึ้น
อย่างไรก็ตาม รุ่นนี้ยังไม่มีระบบช่วยลดความเจ็บ จึงทำให้ผู้ที่เข้ารับบริการมักรู้สึกเจ็บขณะทำ และต้องใช้เวลาทำนาน แต่ก็ถือว่าเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่นำไปสู่การพัฒนารุ่นต่อ ๆ มาให้ดียิ่งขึ้นทั้งในด้านผลลัพธ์และความสบายของคนไข้
ข้อดี: เป็นจุดเริ่มต้นของนวัตกรรม Thermage ได้รับการรับรองจาก FDA ใช้ในการแพทย์จริง
ข้อจำกัด: ยังไม่มีระบบช่วยลดความเจ็บ เช่น ระบบระบายความร้อนหรือการสั่น ทำให้ระหว่างทำรู้สึกเจ็บพอสมควร และใช้เวลาทำนาน
2. Thermage NXT
เปิดตัวในปี 2007 Thermage NXT ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ไขข้อจำกัดของรุ่นแรก โดยเพิ่มความแม่นยำในการปล่อยพลังงานลงสู่ผิว ทำให้การกระตุ้นคอลลาเจนมีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมทั้งลดความรู้สึกเจ็บในระหว่างทำ แม้จะยังไม่มีระบบสั่นหรือระบบระบายความร้อน แต่ก็ให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจมากขึ้น และถือเป็นก้าวสำคัญของการพัฒนาเทคโนโลยี Thermage ในยุคต่อไป
ข้อดี: ผลลัพธ์การยกกระชับดีขึ้นจากรุ่นเดิม และมีระบบควบคุมความร้อนที่เสถียรขึ้น
ข้อจำกัด: ยังไม่มีฟีเจอร์ช่วยให้สบายขึ้น เช่น ระบบสั่นหรือการปรับพลังงานตามสภาพผิวแบบเรียลไทม์
3. Thermage CPT (Comfort Pulse Technology)
เปิดตัวปี 2009 Thermage CPT เป็นรุ่นที่สร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนในแง่ของความรู้สึกระหว่างทำหัตถการ โดยมีการเพิ่มเทคโนโลยีการสั่นสะเทือน (Vibration) ร่วมกับระบบระบายความร้อน (Cooling Spray) ที่ช่วยปกป้องผิวชั้นบนไม่ให้ร้อนเกินไป ทำให้ผู้รับบริการรู้สึกสบายและเจ็บน้อยลงมาก นอกจากนี้ยังพัฒนาในด้านการควบคุมพลังงานให้สม่ำเสมอมากขึ้น ทำให้ผลลัพธ์ของการยกกระชับดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ข้อดี: รู้สึกเจ็บน้อยกว่ารุ่นก่อน ๆ เหมาะกับคนที่กลัวเจ็บแต่ยังอยากเห็นผลการยกกระชับที่ดี
ข้อจำกัด: แม้จะพัฒนาแล้ว แต่การปล่อยพลังงานยังไม่เฉพาะเจาะจงกับแต่ละคน และใช้เวลาทำนาน
4. Thermage FLX (Fast, Level, eXpert)
Thermage FLX เป็นรุ่นล่าสุดที่เปิดตัวในปี 2018 และถือว่าเป็นการยกระดับเทคโนโลยี Thermage ไปอีกขั้น โดยมาพร้อมระบบอัจฉริยะ AccuREP™ ที่สามารถวิเคราะห์สภาพผิวของแต่ละคนแบบเรียลไทม์ และปรับระดับพลังงานให้อัตโนมัติเพื่อให้เหมาะกับแต่ละบริเวณของใบหน้า ซึ่งช่วยเพิ่มทั้งความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่แม่นยำมากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีหัวทิป Total Tip 4.0 ที่ได้รับการออกแบบให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า สามารถครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างขึ้น และปล่อยพลังงานได้เร็วขึ้นถึง 25% ช่วยประหยัดเวลาในการทำแต่ละครั้งได้มาก พร้อมปล่อยพลังงานได้อย่างสม่ำเสมอและลึกถึงชั้นผิวที่ต้องการ โดยรวมแล้วจึงให้ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ ผิวจะดูแน่นขึ้น กระชับขึ้นตั้งแต่หลังทำ และจะเห็นผลชัดเจนภายใน 1–2 เดือนหลังจากคอลลาเจนเริ่มสร้างใหม่อย่างเต็มที่
ข้อดี:
- มีระบบสั่นและระบบทำความเย็นที่ช่วยลดความเจ็บได้มาก ทำให้ผู้เข้ารับบริการรู้สึกสบายตลอดการทำหัตถการ
- ใช้เวลาทำน้อยลง เพราะหัวทิปขนาดใหญ่สามารถยิงครอบคลุมพื้นที่ได้มาก และเร็วขึ้นถึง 25%
- พลังงานถูกปรับให้เหมาะกับผิวแต่ละคนด้วยเทคโนโลยี AccuREP™ ซึ่งช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาสม่ำเสมอและเห็นผลได้ชัดเจน
ข้อจำกัด: ราคาสูงที่สุดในทุกรุ่น แต่หากมองถึงผลลัพธ์และความสบาย ถือว่าคุ้มค่า
เปรียบเทียบ Thermage แต่ละรุ่น
รุ่น | เปิดตัวปี | จุดเด่น | ข้อจำกัด | ความรู้สึกขณะทำ | ระยะเวลาทำ | เห็นผลนาน |
TC | 2002 | รุ่นต้นแบบของเทคโนโลยียกกระชับด้วย RF พลังงานลงลึกถึงชั้นผิว ปูพื้นฐานให้รุ่นถัดไป | เจ็บมาก ไม่มีระบบช่วยลดความเจ็บ ใช้เวลานาน | มาก | 1 ชม.ขึ้นไป | 6–12 เดือน |
NXT | 2007 | ปรับปรุงความแม่นยำในการปล่อยพลังงาน ลดความเจ็บได้ระดับหนึ่ง | ยังไม่มีระบบสั่น/ระบายความร้อน พลังงานยังไม่สม่ำเสมอ | ปานกลาง | ประมาณ 1 ชม. | 6–12 เดือน |
CPT | 2009 | เพิ่มระบบสั่นและคูลลิ่ง ให้รู้สึกสบายขึ้นขณะทำ พลังงานสม่ำเสมอขึ้น | ยังไม่มีระบบปรับพลังงานอัตโนมัติ ใช้เวลาทำนาน | น้อย | 60–90 นาที | ประมาณ 12 เดือน |
FLX | 2018 | มีเทคโนโลยี AccuREP™ ปรับพลังงานอัตโนมัติ หัวทิปใหญ่ ยิงเร็วขึ้น 25% ครอบคลุมผิวได้มาก | ราคาสูงที่สุด แต่ให้ผลลัพธ์ดีที่สุด | น้อยมาก | 30–45 นาที | 12–18 เดือน |

Thermage รุ่นไหนดีที่สุด?
คำตอบที่ชัดเจนคือ Thermage FLX เพราะมีการพัฒนาเพื่อให้ตอบโจทย์ทุกข้อจำกัดของรุ่นก่อนหน้า ทั้งเรื่องความเจ็บ ระยะเวลา และประสิทธิภาพการยกกระชับ ด้วยระบบ AccuREP™ และหัวทิปใหม่ (Total Tip 4.0) ที่ปล่อยพลังงานลึกและแม่นยำขึ้น เหมาะกับผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์จริงภายในเวลาอันรวดเร็ว และต้องการประสบการณ์ที่ไม่เจ็บตัว

Thermage FLX เหมาะกับใคร?
Thermage FLX เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่เจ็บตัว และไม่มีเวลาพักฟื้น โดยเฉพาะ
- ผู้ที่เริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อย เช่น แก้มตก ร่องแก้มลึก เหนียง หรือหนังตาหย่อน โดยเฉพาะในวัย 30 ปีขึ้นไป
- คนที่ต้องการลดริ้วรอยรอบดวงตา มุมปาก หรือคอ โดยไม่ใช้เข็ม
- ผู้ที่เคยทำ Thermage รุ่นเก่าแล้วไม่เห็นผลชัด หรือรู้สึกว่าเจ็บเกินไป
- ผู้ที่ต้องการให้ผิวดูเด็กลง กระชับขึ้น โดยยังดูเป็นธรรมชาติ ไม่เปลี่ยนรูปหน้า
- คนที่อยากทำหัตถการแล้วสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติทันที ไม่ต้องพักฟื้น
ราคาทำ Thermage ประมาณเท่าไหร่
ราคาของ Thermage แต่ละส่วนจะขึ้นอยู่กับจำนวนช็อตที่ใช้ในการยิงคลื่นความร้อน ซึ่งแต่ละช็อตก็คือ 1 ครั้งที่พลังงาน RF ถูกส่งลงสู่ผิว ทั้งนี้แพทย์จะเป็นผู้ประเมินว่าควรใช้จำนวนช็อตเท่าไรจึงจะเหมาะสมกับปัญหาผิวของแต่ละคน โดยราคาโดยประมาณมีดังนี้
- ใบหน้าเต็ม (Full Face): ใช้ประมาณ 300-900 ช็อต ราคาประมาณ 45,000-120,000 บาท เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหย่อนคล้อยทั่วทั้งใบหน้า เช่น แก้ม แหนบกราม ร่องแก้ม
- รอบดวงตา: ใช้ประมาณ 450 ช็อต ราคาประมาณ 40,000-60,000 บาท เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยรอบดวงตา หนังตาหย่อน หรือถุงใต้ตา
- เหนียงหรือคอ: ใช้ประมาณ 300-600 ช็อต ราคาประมาณ 35,000-90,000 บาท สำหรับผู้ที่มีเหนียง คางสองชั้น หรือผิวหย่อนบริเวณลำคอ
ทั้งนี้ ราคาสุดท้ายขึ้นอยู่กับปริมาณช็อตจริงที่ใช้ตามการประเมินของแพทย์ และโปรโมชั่นของแต่ละคลินิก เช่น อาจมีแพ็กเกจเหมาทำร่วมหลายบริเวณ หรือแถมบำรุงผิวหลังทำเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม ถ้าอยากยกกระชับแบบไม่เจ็บ เห็นผลไว และคุ้มค่าในระยะยาว Thermage FLX คือคำตอบที่ใช่ ด้วยเทคโนโลยีล่าสุดที่ทั้งแม่นยำ ปลอดภัย และให้ผลลัพธ์ชัดเจนภายในไม่กี่เดือน โดยไม่ต้องทำบ่อย และถ้าคุณกำลังมองหาคลินิกที่มั่นใจได้ว่าใช้เครื่อง Thermage FLX ของแท้ 100% พร้อมดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านความงาม เราขอแนะนำ Ployrada Clinic ที่นี่เราให้คำปรึกษาแบบเฉพาะบุคคล วิเคราะห์ปัญหาอย่างละเอียด เพื่อวางแผนการยกกระชับที่เหมาะกับใบหน้าของคุณที่สุด พร้อมโปรโมชั่นสุดคุ้ม และบริการอย่างมืออาชีพที่คุณจะรู้สึกได้ตั้งแต่ครั้งแรก สนใจสอบถามข้อมูลหรือจองคิวปรึกษาฟรี แอดไลน์ @ployradaได้เลย!